การมีส่วนร่วมของหัวหน้าสถานีตำรวจ กิจกรรมที่ 1 พ.ต.อ.สันติ พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี นำข้าราชการตำรวจประกาศนโยบายต่อต้านการรับสินบน (Anti-Bribery Policy)

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 พ.ต.อ.สันติ พิทักษ์สกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี ได้ประชุมชี้แจงข้าราชการตำรวจสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี และได้มอบนโยบายการปฏิบัติหน้าที่ราชการ รวมถึงได้ประกาศนโยบายการต่อต้านการรับสินบน (Anti- Bribery Policy) และแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้ข้าราชการตำรวจนำไปยึดถือปฏิบัติ
โดยได้มอบนโยบายและมาตรการในการต่อต้านการทุจริต/การรับสินบนในงานที่เกี่ยวข้องกับด้านงานอำนวยการ การให้บริการประชาชน งานด้านการสืบสวนและการสอบสวน งานด้านการจราจร และงานด้านการป้องกันและปราบปราม โดยกำชับเน้นย้ำ การปฏิบัติ ดังนี้
แนวปฏิบัติในการป้องกันการรับสินบน
๑. ห้ามมิให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี ทุกนาย เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ หรือรับสินบนทุกรูปแบบไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
๒. ห้ามมิให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี ทุกนาย เรียกร้องหรือ
รับสินบน เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์ของบุคคลอื่น
๓. ให้ถือปฏิบัติตามนโยบายการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชัน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม
๔. การปฏิบัติงานในหน้าที่ให้ถือปฏิบัติตาม ข้อบังคับ ระเบียบวินัยตำรวจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อย่างเคร่งครัด
๕. ไม่กระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายเป็นการให้หรือรับสินบน
๖. กำกับดูแลให้ดำเนินการการเบิกค่าใช้จ่ายของหน่วยงานในสังกัดเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
๗. การรับเงินบริจาค หรือเงินสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นเงิน วัตถุ หรือทรัพย์สิน แก่กิจกรรมหรือโครงการใด ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ อย่างเคร่งครัด และมีใบเสร็จรับเงินหรือหลักฐานการรับเงินประกอบรายงานทุกครั้ง
๘. การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยา ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี ทุกนาย ถือปฏิบัติตามประกาศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๖๓ อย่างเคร่งครัด
มาตรการจัดการการฝ่าฝืนนโยบาย หากข้าราชการตำรวจไม่ปฏิบัติตาม
๑. การฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามนโยบายนี้ อาจถูกดำเนินการทางวินัยหรือดำเนินคดีอาญาหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้บังคับบัญชาโดยตรงที่เพิกเฉยต่อการกระทำผิดหรือรับทราบว่ามี
การกระทำผิดแต่ไม่ดำเนินการจัดการให้ถูกต้อง ซึ่งมีบทลงโทษทางวินัย จนถึงขั้นให้ไล่ออกจากราชการ
๒. การไม่ได้รับรู้ถึงประกาศนโยบายฉบับนี้และ/หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ปฏิบัติตามได้
๓. ผู้บังคับบัญชาตามคำสั่งกรมตำรวจ ที่ ๑๒๑๒/๒๕๓๗ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๗
มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ดูแล ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในปกครอง ให้ยึดถือและปฏิบัติตามนโยบายนี้
อย่างเคร่งครัด